บทความนี้ เขียนเมื่อ 11/02/2013
สวัสดีค่ะ..สืบเนื่องจากว่าวันนี้เจ้าชิกเก้นอดีตแมวจรของร้านสปูน เพ็ทช็อป (หากท่านใดเคยมาเยี่ยมซื้อสินค้าที่ร้านตั้งแต่สมัยที่สินค้ายังสต็อกอยู่ที่บ้าน ก็อาจจะเคยได้พบกับเจ้าชิกเก้นกันมาบ้างค่ะ) ขออนุญาตย้อนประวัติเจ้าชิกเก้นนิดนึงนะคะ =) เผื่อว่าวันนึงที่ชิกเก้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว เมื่อย้อนกลับมาอ่านบันทึกนี้อีก จะได้ไม่ลืมกัน ไม่ลืมว่าครั้งนึงเคยมีแมวไทยสีดำชื่อชิกเก้น แมวที่อาจจะไม่น่ารักในสายตาใคร แต่ก็เป็นแมวที่น่ารักที่สุดในสายตาของเราแม้จะไม่เคยเชื่องเลยก็ตาม =) ชิกเก้น เป็นแมวไืทยเพศเมียสีดำ เราเจอกันครั้งแรกเมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ปีก่อนนี้ วันนั้นที่เจอกันที่ปั๊มน้ำมันสอบถามได้ความมาว่าชิกเก้นเป็นแมวหนีน้ำท่วมมาอาศัยที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ มีพี่ๆพนักงานเซเว่นใจดีที่ปั๊มบางทีก็ช่วยกันให้อาหารชิกเก้นบ้าง แต่ก็มีบางคนคอยทำร้ายและไล่ชิกเก้นเสมอ ทำให้ชิกเก้นเป็นแมวหวาดระแวงกลัวคนมาตลอด ชิกเก้นในตอนนั้นอยู่ในสภาพที่ซูบผอมและน้ำลายยืดตลอดเวลา ทำให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เท่าไหร่ เพราะคิดว่าชิกเก้นติดเชื้อพิษสุนัขบ้า หลังจากสังเกตชิกเก้นจนมั่นใจได้ประมาณหนึ่ง เลยช่วยกันวางแผนจับชิกเก้นมารักษาอาการป่วย เหตุการณ์วันนั้นทำให้ได้รับบาดแผลมาไม่น้อยเลยค่ะ เลยต้องฉีดพิษสุนัขบ้าต่อเนื่องถึง 5 เข็ม+โรคบาดทะยัก >_< แต่ผลที่ได้รับก็คุ้มค่ากับชีวิตของชิกเก้นค่ะ ตั้งแต่รับชิกเก้นมาจนถึงวันนี้ชิกเก้นไม่เชื่อง ไม่ยอมให้จับเลย แต่พักหลังๆก็เริ่มดีขึ้นค่ะ หลายๆครั้งที่ได้รับคำแนะนำดีๆจากพี่ๆหลายๆท่านที่แวะเวียนมาร้านสปูน เพ็ทช็อปในการดูแลชิกเก้น และหลายๆท่านก็ยังคงถามถึงชิกเก้นอยู่เสมอๆ แต่ด้วยความที่ชิกเก้นไม่เชื่องเลยต้องอยู่ในกรงส่วนตัวต่างหากตัวเดียว ชิกเก้นเป็นแมวที่ฉลาด ชอบเรียกให้คนมาหาเวลาที่เดินผ่านกรง แต่พอไปหาชิกเก้นก็ไม่ยอมให้ัจับอยู่ดี T^T หลายๆครั้งที่อยากจะพาชิกเก้นไปหาหมอ ทำทุกวิถีทางไม่เคยสำเร็จซักที เลยได้แต่ถ่ายรูปไปใ้ห้คุณหมอดูและสันนิษฐานอาการสั่งยาประทังชีวิตชิกเก้นไปเรื่อยๆ ปกติชิกเก้นจะเป็นเป็นแมวที่ชอบอาหารเปียกมากและเป็นแมวตัวเดียวในบ้านที่ได้สิทธิ์ไม่ต้องกินอาหารเม็ดเลยเพราะไม่มีฟัน 2-3 วันมานี้ชิกเก้นเกิดป่วยกระทันหัน หมดแรงฉับพลัน ไม่กินอาหาร และซูบผอมลงเร็วมากค่ะจนเนื้อติดกระดูก ด้วยความที่ชิกเก้นเป็นแมวจรและไม่เชื่องทำให้ไม่สามารถจับไปหาหมอได้เลยค่ะ หลังจากที่พยายามกันมาหลายวัน จนวันนี้ชิกเก้นนอนหายใจรวยรินเลยได้โอกาสใช้ช่วงเวลานี้จับชิกเก้นไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ ตอนนี้น้ำหนักของชิกเก้นเหลืออยู่แค่ 1 โลกับอัก 3 ขีด คุณหมอต้องในน้ำเกลือที่มีความเค็มต่ำเพราะคิดว่าตอนนี้ตับและไตของชิกเก้นน่าจะไปหมดแล้ว น้ำหนักของชิกเก้นขณะนี้นับว่าเป็นน้ำหนักที่น้อยมากๆ หมอไม่สามารถวัดอุณหภูมิในร่างกายของชิกเก้นได้เลย เพราะตอนนี้อุณหภูมิในร่างกายต่ำมาก โอกาสรอดแทบเป็น 0 หมอตัดสินใจจับเช็คเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสในทันทีถ้าหากติดเชื้อไวรัสจริงๆจะได้รีบป้องกันและระวังเจ้าเหมียวอีกหลายตัวที่บ้าน และสุดท้ายผลก็ออกมาว่าเจ้าชิกเก้นเป็นเอดส์แมวระยะสุดท้ายแล้วจริงๆ...เมื่อก่อนนี้ที่ผ่านมากอาจจะเคยคิดว่าโรคเอดส์แมวเป็นโรคที่ไกลตัว แต่ที่จริงแล้วถ้าใครที่เคยรับแมวจรมาต้องระวังเป็นพิเศษค่ะ อีก 1 โรคติดต่อที่สำคัญไม่แพ้เอดส์แมวซึ่งก็คือโรคลูคีเมีย อันนี้ก็ต้องระวังเหมือนกันค่ะ เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าก่อนที่เราจะรับเจ้าเหมียวมาอยู่ด้วยกันนั้น เจ้าเหมียวตัวน้อยๆของเราได้ผ่านอะไรมาบ้าง ถึงแม้ตอนนี้อาการของชิกเก้นจะแทบหมดหวังแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยเสียใจที่ได้ดูแลชิกเก้นอย่างดีในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาเท่าที่คนๆนึงจะสามารถทำได้ วันนี้หมอถามมาว่าจะรักษาชิกเก้นมั้ย โอกาสแทบไม่มี ค่าใช้จ่ายก็สูงมากแล้วก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อมาจนวันนี้และยังเชื่อมาตลอดก็คือ ใครๆก็รักชีวิต ไม่มีใครอยากตายไปอย่างทรมาน ตราบใดที่เราทำดีที่สุด ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ เงินวันนึงเรายังหาใหม่ได้ แต่ 1 ชีวิตที่กำลังจะหมดไป ถ้าหากหมดไปแล้ว ต่อให้มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่อาจซื้อมันกลับคืนมาได้ ทำให้ดีที่สุด แล้วไม่มีอะไรต้องมาเสียใจภายหลัง อยากให้ชีวิตของชิกเก้นเป็นอุทธาหรณ์ให้กับใครหลายๆคนที่ยังมีโอกาสในการดูแลอดีตแมวจรที่ได้รับมาและให้ชีวิตใหม่กับเขา วันนี้ร้านสปูน เพ็ทช็อป จึุงอยากจะขออนุญาตนำบทความเรื่องเอดส์แมว มาแบ่งปันให้ทุกท่านได้ทราบเพื่อเป็นความรู้และนำไปใช้ในการดูแลแมวของเราค่ะ...
โรคเอดส์แมวเกิดจากเชื้ออะไร
โรคเอดส์แมวนั้นเกิดจากเชื้อไวรัส Feline Immunodeficiency Virus (หรือเรียกย่อๆว่า FIV) เป็นไวรัสในตระกูลเดียวกับโรคลิวคีเมียติดต่อในแมว (Feline Leukemia Virus: FeLV) และเป็นไวรัสในกลุ่มเดียวกับไวรัสเอดส์ในคน (Human Immunodeficiency Virus: HIV)
การติดต่อ
การติดต่อของไวรัส FIV นั้นพบมากที่สุดว่าเกิดจากการกัดกันกับแมวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ดังนั้นเราจึงมักเจอว่าน้องแมวที่ป่วยด้วยเชื้อ FIV นี้จะเจอในแมวเพศผู้มากกว่าเพศเมีย (เพราะเพศผู้มักจะมีพฤติกรรมกัดกันมากกว่าเพศเมีย) เจอในแมวที่ไม่ทำหมันมากกว่าแมวที่ทำหมัน (เพราะแมวที่ทำหมันจะมีความก้าวร้าวลดลง พฤติกรรมที่ชอบกัดกับแมวตัวอื่นก็จะลดลงไปด้วย) และพบในแมวที่เลี้ยงปล่อยนอกบ้านหรือมีแมวหลายตัวในบ้าน มากกว่าแมวที่เลี้ยงให้อยู่แต่ในบ้านตัวเดียว (เนื่องจากแมวที่เลี้ยงในบ้านตัวเดียว ไม่ได้ออกไปเจอแมวตัวอื่น ก็จะแทบไม่มีโอกาสกัดกับใคร โอกาสติดโรคนี้จึงน้อยลงมาก)
นอกจากการกัดกันแล้ว พบได้ว่าในกรณีที่แม่แมวมีเชื้อไวรัสนี้อยู่ อาจแพร่ไวรัสให้แก่ลูกแมวระหว่างการตั้งท้อง หรือผ่านทางน้ำนมและน้ำลายได้ ส่วนการผสมพันธุ์นั้นก็สามารถทำให้น้องแมวติดเชื้อนี้ได้ แต่พบได้ไม่บ่อยเท่าไหร่นักค่ะ
คนจะติดไวรัส FIV จากแมวได้หรือไม่
หลายคนมีคำถามว่า เอ๊ะ! ในเมื่อไวรัส FIV เป็นไวรัสกลุ่มเดียวกับ HIV จึงสงสัยว่าแล้วคนจะเป็นเอดส์หรือติดเชื้อไวรัส FIV จากแมวได้หรือไม่ คำตอบก็คือไม่ติด เพราะไวรัส FIV นั้นเป็นไวรัสที่จำเพาะต่อกลุ่มสัตว์ที่ติด กล่าวคือ สัตว์ที่จะติดไวรัส FIV ได้จะมีเพียงในสัตว์ตระกูลแมวเท่านั้น ไม่ติดข้ามไปยังสัตว์ชนิดอื่น ไม่ติดมายังคน และยังไม่พบรายงานว่าไวรัสชนิดนี้ก่อโรคในคน ดังนั้นเจ้าของที่เลี้ยงน้องแมวที่ป่วยด้วยโรคเอดส์แมวนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นโรคเอดส์จากแมวนะคะ
ไวรัส FIV ทำให้แมวป่วยได้อย่างไร
เมื่อน้องแมวติดไวรัสนี้มาแล้ว น้องแมวบางตัวจะไม่แสดงอาการผิดปกติให้เราเห็นเลยได้นานเป็นปีหรือหลายปี ซึ่งระยะเวลาที่แมวไม่แสดงอาการป่วยนี้จะนานมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับระดับภูมิ คุ้มกันของแมวเอง ถ้าภูมิคุ้มกันของแมวยังมีมากพอที่จะต้านทานการติดเชื้อโรคแทรกซ้อนอื่นๆ แมวก็จะไม่แสดงอาการป่วยให้เห็น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ภูมิคุ้มกันของแมวลดต่ำลงจนน้อยมาก แมวก็จะแสดงอาการป่วยจากการติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะจากเชื้อที่มีทั่วๆไปในสิ่งแวดล้อมซึ่งเชื้อเหล่านี้มักจะไม่ก่อโรค ในแมวปกติ แต่จะมาก่อโรคในแมวที่ติดเชื้อ FIV ได้อย่างรุนแรง จนทำให้แมวสุขภาพทรุดโทรมและเสียชีวิตได้ในที่สุด
อาการของโรคนี้เป็นอย่างไร
แมวที่ติดเชื้อไวรัส FIV นั้น เราสามารถแบ่งการติดเชื้อตามอาการได้หลายระยะ คร่าวๆคือ
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแมวติดเชื้อไวรัส FIV
ในปัจจุบันการตรวจหาไวรัส FIV นั้น มีวิธีการที่สัตวแพทย์นิยมตรวจก็คือ การใช้ชุดตรวจสำเร็จรูปเพื่อหาภูมิคุ้มกัน (Antibodies) ต่อเชื้อไวรัส ถ้าตรวจออกมาได้ผลเป็นบวก แปลได้ว่าน้องแมวตัวนั้นน่าจะเป็นไวรัส FIV แต่ก็มีหลายกรณีที่ตรวจออกมาได้ผลเป็นบวก แต่แมวอาจจะไม่ได้เป็นไวรัสนี้ เช่น ในกรณีที่ตรวจในแมวเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน อาจพบว่าผลตรวจเป็นบวกได้ เนื่องจากลูกแมวได้รับภูมิคุ้มกันเชื้อนี้จากแม่แมวโดยที่ไม่ได้ติดเชื้อก็ ได้ ในกรณีนี้ให้รอจนลูกแมวอายุครบ 6 เดือนแล้วจึงตรวจซ้ำ ถ้าผลออกมาเป็นบวก จึงจะถือว่าแมวติดไวรัส FIV จริงๆ
ส่วนในกรณีที่ผลตรวจออกมาเป็นลบนั้นโดยมากมักจะแปลผลว่า น้องแมวตัวนั้นไม่ได้ติดเชื้อ FIV แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ในกรณีที่แมวเพิ่งติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มาไม่เกิน 3 เดือน ร่างกายอาจจะยังไม่สร้างภูมิคุ้มกันออกมา ทำให้ตรวจด้วยชุดตรวจจึงออกมาได้ผลเป็นลบ ดังนั้นเมื่อตรวจด้วยชุดตรวจแล้วผลเป็นลบ จึงอาจจำเป็นที่จะต้องตรวจซ้ำในอีก 3-6 เดือนถัดมาเพื่อยืนยันผลการตรวจ และพบด้วยว่าในกรณีที่แมวที่ติดเชื้อไวรัส FIV ในระยะท้ายๆ (ระยะแสดงอาการเอดส์) ผลการตรวจด้วยวิธีนี้อาจเป็นลบได้ เพราะภูมิคุ้มกันของแมวป่วยในระยะนี้อาจต่ำลงมากจนไม่สามารถผลิตภูมิคุ้มกัน ออกมาได้มากพอจนตรวจด้วยชุดตรวจได้นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ยังมีการตรวจด้วยการหาดีเอ็นเอ (DNA) ของไวรัส FIV ซึ่งจะให้ผลตรวจที่แม่นยำกว่าการตรวจด้วยชุดตรวจสำเร็จรูป โดยมากมักใช้ในเคสงานวิจัย ยังไม่ค่อยนำมาใช้ในการตรวจทั่วๆไป เนื่องจากมีห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจหาไวรัส FIV ได้ไม่กี่ที่ และค่าใช้จ่ายในการตรวจด้วยวีธีนี้จะสูงกว่าการตรวจด้วยชุดตรวจสำเร็จรูปค่ะ
การรักษา
แมวที่ป่วยด้วยไวรัส FIV นั้น ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การรักษานั้นจะเป็นการทำให้แมวมีคุณภาพชีวิตที่ดี รักษาหรือทำให้ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคแทรกซ้อน และพยายามทำให้แมวมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงให้มากที่สุด ซึ่งมีดังนี้
การดูแลน้องแมวที่ป่วยด้วยโรคเอดส์แมว
น้องแมวที่ติดเชื้อไวรัส FIV จะมีอายุอยู่ได้นานแค่ไหน
น้องแมวที่ติดเชื้อไวรัสนั้นจะมีอายุอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ไม่สามารถตอบได้ชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตั้งแต่ระดับภูมิคุ้มกันของตัวแมวเอง ระยะของโรคที่ตรวจพบ การดูแลจากเจ้าของ โรคแทรกซ้อนที่แมวเป็น แมวบางตัวอาจมีชีวิตอยู่ได้นานหลายเดือนหรือหลายปี แต่บางตัวอาจมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วันหลังจากตรวจพบโรคก็ได้ค่ะ
เราจะป้องกันไม่ให้น้องแมวติดไวรัส FIV นี้ได้อย่างไร
การป้องกันแมวไม่ให้ติดไวรัส FIV ที่ดีที่สุดนั้นก็คือ การป้องกันไม่ให้น้องแมวไปสัมผัสกับเชื้อ ได้แก่ การเลี้ยงแมวให้อยู่แต่ในบ้าน ลดโอกาสการเจอกับแมวตัวอื่นนอกบ้าน ทำหมันแมวเพื่อลดโอกาสติดโรคจากการผสมพันธุ์ และลดความก้าวร้าวจากอิทธิพลจากฮอร์โมนเพศโดยเฉพาะแมวเพศผู้
ในปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ป้องกันโรค FIV ในบ้านเราแล้ว แต่วัคซีนนี้มีข้อเสีย คือ ใช้ป้องกันโรคในอัตราที่ไม่สูงเท่าไหร่นัก (ป้องกันโรคได้ประมาณ 70%) ไม่ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ของไวรัส FIV และราคาวัคซีนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าเจ้าของอยากทำวัคซีนป้องกันโรคนี้ ให้ลองปรึกษาสัตวแพทย์ที่ดูแลน้องแมวของท่านก่อนก็ได้ค่ะ